กลุ่มอุตสาหกรรม พลังงานหมุนเวียน

Published

17 กันยายน 2568

เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2568
เวลา 9.30-12.00 น ณ ห้องประชุม สนง. สภาอุตสาหกรรมฯ คุณนที สิทธิประศาสน์ ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมพลังงานหมุนเวียน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ร่วมเป็นประธาน กับคุณชนัญธิญา เตมหิวงศ์ เลขานุการเอก สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเบอร์ลิน ในการประชุมหารือระหว่างภาคส่วนต่างๆ ประกอบด้วย Energy Experts, ผู้แทนกระทรวงการต่างประเทศ, ผู้แทน German Agencies in Thailand: GIZ Thailand, German Embassy Bangkok, German-Thai Chamber of Commerce (GTCC), Agora Energiewende และ ผู้แทน มูลนิธิพลังงานสะอาดเพื่อประชาชน, ผู้แทนสมาคมพลังงานหมุนเวียนไทย(อาร์อี100), คุณศุภฤกษ์ ยิ้มกอบกิจ นายกสมาคมการค้าก๊าซชีวภาพไทย, คุณวัชรพงศ์ เข็มแก้ว นายกสมาคมพลังงานลม(ประเทศไทย), คุณชัพมนต์ จันทรพงศ์พันธุ์ นายกสมาคมอุตสาหกรรมเซลล์แสงอาทิตย์ไทย, ดร.พิมพา ลิ้มทองกุล นายกสมาคมเทคโนโลยีระบบกักเก็บพลังงานไทย, ดร.เนรัญ สุวรรณโชติช่วง นายกสมาคมไฮโดรเจนประเทศไทย พร้อมทั้ง ผู้บริหารของทุกองค์กร

โดยมีประเด็นหารือแลกเปลี่ยนสถานการณ์พลังงานในประเทศไทยโดยเฉพาะพลังงานหมุนเวียน โดยคุณนทีฯได้นำเสนอแผน PDP ภาคประชาชนที่จัดทำโดยส.อ.ท. ความต้องการไฟฟ้าสีเขียวของภาคเอกชน การดำเนินการของภาคเอกชนเพื่อบรรลุเป้าหมาย Carbon Neutality และแนวทางการเปิดไฟฟ้าเสรีหรือการ De regualated ด้านพลังงานของประเทศไทยเพื่อให้ประเทศไทยสามารถเปลี่ยนผ่านพลังงานและบรรลุเป้าหมาย Carbon และแผน NDC ของประเทศ

ดร.เสกสรรค์ฯ ประธานคณะทำงานเอทานอล ส.อ.ท. ได้มีการนำเสนอแผนการใช้พลังงานทางเลือกสำหรับภาคขนส่งและการนำเอทานอลมาทำเป็นเชื้อเพลิงสำหรับอากาศยานการบิน (SAF) ของประเทศไทย

ผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงานของเยอรมัน ได้นำเสนอการใช้และการสนับสนุน Biomethane มาใช้เป็นพลังงานสีเขียวสำหรับภาคครัวเรือนและอุตสาหกรรม โดยมีการสร้าง Gas Grid เพื่อส่ง Biomethane ไปใช้ยังที่ต่างๆ ซึ่งคุณภาพใกล้เคียงกับก๊าซธรรมชาติ

คุณศุภฤกษ์ ได้มีแลกเปลี่ยนข้อมูลว่าในประเทศไทย ตอนนี้สามารถเปลี่ยน Biogas มาเป็น Liquid Biomethane (LBM) แต่เรื่องการขนส่งและกฎระเบียบยังต้องผลักดันกันอีกมาก

ผู้เชี่ยวชาญจาก Franhofer ได้มีการนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับ Bioethanol ที่ประเทศเยอรมันสนับสนุนให้นำมาใช้ในภาคขนส่ง

คุณชัพมนต์และดร.พิมพา ได้แลกเปลี่ยนเกี่ยวกับการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ร่วมกับระบบกักเก็บพลังงาน (Solar +BESS) ที่เกิดขึ้นในเมืองไทย ซึ่งภาคเอกชนมีความต้องการใช้ไฟฟ้าสีเขียวแบบ Firm 8 ชั่วโมง ดังนั้น BESS จึงมีความสำคัญต่อการเปลี่ยนผ่านไปสู่พลังงานหมุนเวียนอย่างมาก

ทั้งสองฝ่ายเห็นร่วมกันว่าจะหารือในเชิงลึกเพื่อพัฒนาความร่วมมือระหว่างไทยและเยอรมัน ร่วมกันต่อไป