นายนิพนธ์ บุญเดชานันทน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ WHAUP เปิดเผยถึงทิศทางและแผนดำเนินงานทางธุรกิจว่า บริษัทตั้งงบลงทุน 5 ปี (2565 – 2569) ที่ 10,000 ล้านบาท โดยในปีนี้คาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 2,700 ล้านบาท ซึ่งเม็ดเงินลงทุนดังกล่าวยังไม่รวมการลงทุนในต่างประเทศที่อยู่ระหว่างศึกษาความเป็นไปได้ อาทิ การลงทุนในโครงการใหม่ (Green Field) และการซื้อกิจการ (M&A)
ทั้งนี้ บริษัทคาดการณ์รายได้รวมและส่วนแบ่งกำไรจากการดำเนินงานปกติแตะระดับ 6,000 ล้านบาทในปี 2569 หรือ 2 เท่าจากปี 2564 โดยที่ยังคงรักษาระดับอัตราผลกำไร EBITDA ในระดับสูงกว่าร้อยละ 50 จากการเติบโตของธุรกิจหลักทั้งน้ำและไฟฟ้า
ธุรกิจสาธารณูปโภค หนึ่งในธุรกิจสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อน WHAUP ให้เติบโต โดยในปีนี้ตั้งเป้ายอดการจำหน่าย และบริหารจัดการน้ำทั้งในประเทศ 128 ล้านลูกบาศก์เมตร และต่างประเทศ 25 ล้านลูกบาศก์เมตร จากธุรกิจน้ำในประเทศเวียดนาม ด้วยแนวโน้มการเติบโตของลูกค้าเดิม และลูกค้าใหม่ ผนวกกับการขยายฐานลูกค้าภายนอกนิคมอุตสาหกรรมของดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป
นอกจากนี้ บริษัทมีแผนจะขยายธุรกิจน้ำในแนวดิ่ง (Vertical Integration) ผ่านการสำรวจหาแหล่งน้ำดิบทางเลือกต่างๆ เพื่อความมั่นคง และบริหารต้นทุนในการซื้อน้ำดิบ ควบคู่กับการพัฒนาโครงการ Wastewater Reclamation หรือการนำน้ำเสียที่บำบัดแล้วกลับมาใช้ใหม่ โดยใช้ความเชี่ยวชาญเฉพาะทางของบริษัท เพื่อผลิตน้ำมูลค่าเพิ่ม อาทิ น้ำปราศจากแร่ธาตุ (Demineralized Water) น้ำอุตสาหกรรมคุณภาพสูง (Premium Clarified Water)
รวมไปถึงนำเทคโนโลยีอัจฉริยะ ได้แก่ Smart Utilities Service Platform และโซลูชั่นใหม่ๆ มาใช้ เพื่อยกระดับการดำเนินงานและส่งมอบบริการแก่ลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ และครบวงจรมากยิ่งขึ้น
ในปีที่ผ่านมา บริษัทได้ลงนามในสัญญาซื้อขายน้ำอุตสาหกรรมคุณภาพสูง (Premium Clarified Water) กับ บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ (GULF) จำนวน 1.4 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี โดยโครงการดังกล่าวจะเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ ได้ในช่วงไตรมาส 3 ปีนี้
นอกจากนี้ ได้จับมือกับพันธมิตร บริษัท นิคมอุตสาหกรรมเอเซีย จำกัด จัดตั้งบริษัทร่วมทุนภายใต้ชื่อ “บริษัท ดับบลิวเอชเอยูพี เอเซีย รีเคลมเมชั่น วอเตอร์ จำกัด” (WHAUP AIE) เพื่อดำเนินธุรกิจสาธารณูปโภคด้านน้ำในนิคมอุตสาหกรรมเอเซีย (มาบตาพุด) โดยบริษัทร่วมทุนดังกล่าวได้มีการลงนามในสัญญาซื้อขายน้ำปราศจากแร่ธาตุ (Demineralized Water) กับบริษัท พูแรค (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นลูกค้ารายแรก ด้วยกำลังการผลิตกว่า 790,000 ลูกบาศก์เมตรต่อปี และคาดว่าจะเริ่มจำหน่ายน้ำให้กับลูกค้าได้ในไตรมาส 4 ของปี 2565
ส่วนธุรกิจน้ำในประเทศเวียดนาม บริษัทคาดว่ายอดขาย และบริหารจัดการน้ำเสียจะเติบโตเพิ่มขึ้น ด้วยแผนการขยายธุรกิจสาธารณูปโภคควบคู่ไปกับการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมของ ดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป ได้แก่ เขตอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ ทัญฮว้า ที่ใกล้จะแล้วเสร็จ และเขตอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล โซน เหงะอาน เฟสที่ 2 ซึ่งมีกำหนดเริ่มดำเนินการก่อสร้างในไตรมาสที่ 1 ปี 2565 หลังจากเฟสที่ 1 พัฒนาแล้วเสร็จ และพร้อมให้บริการแก่ลูกค้าภายในนิคมอย่างครบวงจร บริษัทเชื่อว่าความพร้อม และความเชี่ยวชาญที่มีจะส่งผลดีต่อการเติบโตของบริษัท
ธุรกิจด้านพลังงาน ในปี 2565 บริษัทตั้งเป้าเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัดส่วนการถือหุ้นแตะ 700 เมกะวัตต์ จากปีก่อนที่มียอดกำลังการผลิตสะสม 642 เมกะวัตต์ ด้วยการเดินหน้าขยายพอร์ตพลังงานหมุนเวียนทั้งโครงการไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ และโครงการโรงไฟฟ้าขยะ โดยตั้งเป้ายอดเซ็นสัญญาซื้อขายไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์สะสมเพิ่มเป็น 150 เมกะวัตต์ จากปีก่อนที่มียอดเซ็นสัญญาสะสม 92 เมกะวัตต์
นอกจากนี้ บริษัทได้ศึกษาการต่อยอดธุรกิจพลังงานแสงอาทิตย์ผ่านการพัฒนาเทคโนโลยีต่างๆ เช่น การพัฒนาแพลตฟอร์มพลังงานอัจฉริยะเพื่อซื้อขายไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ในกลุ่มลูกค้าภายในนิคมอุตสาหกรรมของดับบลิวเอชเอ หรือระบบการซื้อขายไฟฟ้าแบบ Peer-to-Peer Energy Trading โดยใช้เทคโนโลยี Blockchain ด้วยความร่วมมือระหว่างบริษัท และพันธมิตรชั้นนำด้านพลังงานและด้านเทคโนโลยีและเป็นส่วนหนึ่งของ ERC Sandbox หรือโครงการทดลองด้านนวัตกรรมพลังงานของคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน
ซึ่งปัจจุบันได้เริ่มการทดสอบการซื้อขายไฟฟ้า เพื่อเตรียมความพร้อมในการให้บริการซื้อขายเชิงพาณิชย์ หลังภาครัฐให้ไฟเขียว โดยเป็นปัจจัยหลักหนุนให้พอร์ตพลังงานหมุนเวียนของ WHAUP เพิ่มขึ้นอีก 100-200 เมกะวัตต์ บรรลุเป้าหมายการขยายธุรกิจ Renewable Energy ได้ครบ 300 เมกะวัตต์ ในปี 2566 ตามแผนที่วางไว้
นอกจากนี้ ยังมีการพัฒนาโครงการ Battery Energy Storage System (BESS) หรือการพัฒนาระบบกักเก็บพลังงานมาใช้ควบคู่กับการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อเสนอเป็นบริการให้แก่ลูกค้า และการศึกษาระบบโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ Smart Microgrid เพื่อยกระดับระบบสาธารณูปโภคในนิคมอุตสาหกรรมของดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป
บริษัทเชื่อว่าด้วยความเชี่ยวชาญด้านธุรกิจพลังงานหมุนเวียน ผนวกกับการนำเทคโนโลยี และนวัตกรรมใหม่ๆ มาใช้ควบคู่กับการผนึกกำลังกับพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีจะสร้างโอกาสในการต่อยอดธุรกิจ Renewable Energy และสร้าง Business Model ใหม่ให้กับบริษัท ได้อย่างมีนัยสำคัญในอนาคต
สุดท้ายนี้ บริษัทยังคงมุ่งมั่นแสวงหาโอกาสในการลงทุนในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น การพัฒนาโครงการใหม่ๆ (Green field) การเข้าซื้อกิจการ (M&A) การร่วมทุน (Joint Venture) การขยายการลงทุนในและนอกนิคมอุตสาหกรรมแห่งใหม่ของดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป ทั้งธุรกิจสาธารณูปโภคและพลังงาน เพื่อต่อยอดและสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจ ซึ่งเป็นการตอกย้ำถึงความเชื่อมั่นในการเติบโตทางธุรกิจทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ ควบคู่ไปกับการพัฒนานวัตกรรมโซลูชั่นทั้งด้านพลังงานทดแทนและสาธารณูปโภคในระยะยาว
Source : กรุงเทพธุรกิจ