กลุ่มอุตสาหกรรม พลังงานหมุนเวียน

Published

22 มิถุนายน 2565

สัมภาษณ์พิเศษ สเตฟาน วิงเคิลมันน์ ประธานและซีอีโอ ของ ลัมโบร์กินี ที่เดินทางมายังประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นครั้งแรก

เมื่อกำหนดการเดินทางมายังภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของ “สเตฟาน วิงเคิลมันน์” ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ออโตโมบิลิ ลัมโบร์กินี ถูกกำหนดให้มายังประเทศไทยเป็นแห่งแรก ประเด็นคำถามจากสื่อมวลชน 9 สำนักในประเทศไทยในการสัมภาษณ์พิเศษ จึงเกิดขึ้นโดยมุ่งเน้นไปที่ทิศทางของ “ลัมโบร์กินี” ในเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้า

“เราไม่จำเป็นต้องเป็นรายแรกที่ทำรถยนต์ไฟฟ้า แต่ต้องเป็นรายที่ทำแล้วดีที่สุด”

ก้าวแรกของแบรนด์ 'ลัมโบร์กินี' สู่ซูเปอร์คาร์ไฟฟ้าจะเป็นอย่างไร?

สเตฟาน วิงเคิลมันน์ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ออโตโมบิลิ ลัมโบร์กินีฉายภาพแผนการดำเนินธุรกิจทั่วโลกให้เห็นถึงการเดินทางสู่เทคโนดลยียานยนต์ไฟฟ้าที่จะเริ่มต้นขึ้นดังนี้

  • ค.ศ. 2023 – จะมีการแนะนำเทคโนโลยี ‘ไฮบริด’ รุ่นแรกของ ลัมโบร์กินี
  • ค.ศ. 2024  – เข้าสู่ยุค Hybridization
  • ค.ศ. 2025 – เป้าหมายการลดลงของการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลง 50%
  • ค.ศ. 2028 – จะมีการแนะนำยานยนต์ไฟฟ้า (EV) รุ่นแรกของ ลัมโบร์กินี

ทั้งนี้ การยกเลิกเครื่องยนต์สันดาปภายในเพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซน์ในแถบทวีปยุโรป ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของสภ่ยุโรป ซึ่งจะต้องจับตาดูว่าจะมีทิศทางอย่างไร โดยภายหลังการพิจารณาคาดว่าในช่วงปี ค.ศ. 2035-2036 จึงจะเริ่มการเปลี่ยนแปลงของทุกบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ ซึ่งนโยบายดังกล่าวจะส่งผลให้ผลิตภัณฑ์ทั่วโลกเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับฐานผลิตที่อยู่ใน อิตาลี ขณะที่ ลัมโบร์กินี มองว่า การลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ไม่จำเป็นจะต้องเป็นยานยนต์ไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว

สำหรับ การเป็นแบรนด์ซูเปอร์คาร์ที่จะพัฒนาเทคโนโลยีไปสู่ยานยนต์ไฟฟ้า เราจะต้องกลับมาพิจารณาดูในจุดที่ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อรถยนต์ในกลุ่มนี้เป็นหลักคือ สมรรถนะ และ อัตราการตอบสนอง โดยแนวโน้มดังกล่าวเริ่มสะท้อนทิศทางที่ชัดเจนภายหลังผ่านช่วงสถานการณ์วิกฤตการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่มีผู้บริโภคสั่งซื้อรถยนต์เข้ามาเป็นจำนวนมากด้วยเหตุผล 2 ประการคือ

  1. ปัญหาการหยุดผลิตชั่วคราวจากโควิดมีผลต่อกำลังซื้อที่อัดอั้น
  2. ผู้บริโภคคิดว่าลัมโบร์กินีในรุ่นปัจจุบันจะเป็นรุ่นสุดท้ายที่เป็นเครื่องยนต์สันดาปภายใน

ขณะที่  จากแผนดังกล่าวข้างต้นซูเปอร์คาร์ไฟฟ้ารุ่นแรกจะเกิดขึ้นใน ลัมโบร์กินี อูรุส (Lamborghini URUS) ส่วนในกลุ่ม ซุเปอร์สปอร์ตคาร์ จะต้องมีการพิจารณาอีกครั้งภายหลังปี ค.ศ. 2030 เป็นต้นไป ขณะเดียวกันในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2565 นี้ จะมีการเปิดตัว ลัมโบร์กินี อูรุส รุ่นปรับโฉมใหม่ ในเดือน สิงหาคม ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา และ ลัมโบร์กินี ฮูราคาน ใหม่ (New Lamborghini Huracan) ซึ่งจะเป็น 2 รุ่นสุดท้ายที่เป็นรุ่นเครื่องยนต์สันดาปภายใน

นอกจากนี้ ลัมโบร์กินี ยังยึดหลักในการสร้างแบรนด์ที่เป็นแรงบันดาลใจและส่งมอบรถยนต์คุณภาพให้กับผู้บริโภคและการมีผลกำไรที่ดีในระดับ 25% ซึ่งขับเคลื่อนยอดขายและการเปลี่ยนไปของผู้บริโภคระหว่างเจนเนอเรชั่น โดยเจนเนอเรชั่นคนรุ่นใหม่มีแนวคิดของความเป็นมิตรต่อธรรมชาติและความยั่งยืน ขณะเดียวกับเจนเนอเรชั่นผู้ใหญ่มีแนวคิดถึงการมีสมรรถนะที่ดี ดังนั้นการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าจะต้องพิจารณานำทั้ง 2 สิ่ง ในด้านความยั่งยืนและสมรรถนะ ผสมผสานไว้ด้วยกัน

ก้าวแรกของแบรนด์ 'ลัมโบร์กินี' สู่ซูเปอร์คาร์ไฟฟ้าจะเป็นอย่างไร?
ก้าวแรกของแบรนด์ 'ลัมโบร์กินี' สู่ซูเปอร์คาร์ไฟฟ้าจะเป็นอย่างไร?

สเตฟาน วิงเคิลมันน์ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ออโตโมบิลิ ลัมโบร์กินี (ซ้าย) และ อภิชาติ ลีนุตพงษ์ ประธานกรรมการ บริษัท เรนาสโซ มอเตอร์ จำกัด ผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ลัมโบร์กินีอย่างเป็นทางการรายเดียวในประเทศไทย (ขวา)

Source : PPTV HD36