กลุ่มอุตสาหกรรม พลังงานหมุนเวียน

Published

26 กรกฎาคม 2564

นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI เปิดเผยว่า นอกเหนือจาก 3 กลุ่มธุรกิจใหม่ที่ได้ประกาศแผนงานไว้เมื่อช่วงต้นปี 2564 บริษัทยังคงมุ่งมั่นหาโอกาสใหม่ๆ ในการสร้างการเติบโตภายใต้วิสัยทัศน์ ORIGIN NEXT LEVEL อย่างต่อเนื่อง ล่าสุด บริษัทได้ร่วมลงนามสัญญาการร่วมทุน (Joint Venture Agreement หรือ JVA) กับบริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ GUNKUL ผู้นำด้านธุรกิจพลังงานทดแทนแบบครบวงจรและธุรกิจระบบไฟฟ้า เตรียมจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทร่วมทุนภายใต้ชื่อบริษัท ออริจิ้น กันกุล เอ็นเนอร์ยี จำกัด เพื่อร่วมกันดำเนินกิจการด้านพลังงานทดแทน/พลังงานสะอาดในโครงการที่อยู่อาศัย โดยเฉพาะพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Energy) สอดรับเมกะเทรนด์ของโลก ในสัดส่วนการร่วมทุน 50:50 เตรียมพัฒนาต่อยอดสู่โครงการที่อยู่อาศัยในเครือออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้เป็นครั้งแรก โดยอยู่ระหว่างการรอจดทะเบียนจัดตั้ง

“ทิศทางของโลกในอนาคตจะหันมาใช้พลังงานทดแทนและพลังงานสะอาดต่างๆ ในชีวิตประจำวันมากขึ้น แต่ในเซ็กเตอร์อสังหาริมทรัพย์ของไทยเราเอง ตอนนี้ยังไม่มีใครที่ลุกขึ้นมาขานรับเมกะเทรนด์นี้เพื่อผู้บริโภคอย่างจริงจัง เราจึงมองหาพันธมิตรที่แข็งแกร่งด้านพลังงานสะอาด และมีวิสัยทัศน์สอดคล้องกันอย่าง กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง เพื่อก้าวเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายแรกที่ต่อยอดธุรกิจด้านพลังงานสะอาดในที่อยู่อาศัยให้สอดรับเมกะเทรนด์ด้านความยั่งยืน สร้างมูลค่าเพิ่ม หรือValue Added ให้ทรัพย์สินในอนาคต ควบคู่กับการมอบคุณภาพชีวิตที่ดีในระยะยาวแก่ลูกบ้าน” นายพีระพงศ์ กล่าว

ทั้งนี้ ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ และกันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จะร่วมดำเนินกิจการด้านพลังงานแสงอาทิตย์ใน 3 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ 1.ธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ หรือ Private PPA (Power Purchase Agreement) โดยจะติดตั้ง Solar Rooftop พร้อมอุปกรณ์ และบริการดูแลรักษาตลอดสัญญา เพื่อผลิตพลังงานไฟฟ้าจำหน่ายภายในพื้นที่ส่วนกลางโครงการคอนโดมิเนียมที่แล้วเสร็จ ซึ่งอัตราค่าไฟฟ้าจากระบบดังกล่าวจะมีราคาถูกกว่าอัตราค่าไฟฟ้าทั่วไป ช่วยลดภาระค่าสาธารณูปโภคส่วนกลางในแต่ละโครงการ นำร่องติดตั้งและให้บริการภายในไตรมาส 3/2564 นี้

2.ธุรกิจติดตั้งและเชื่อมต่อระบบไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ (PARITY) ในกลุ่มโครงการบ้านจัดสรร ด้วยการติดตั้ง Solar Rooftop พร้อมวางระบบเชื่อมต่อทั่วทั้งโครงการ เพื่อให้ลูกบ้านสามารถประมูลซื้อขายพลังงานไฟฟ้าระหว่างกันได้ (Peer-to-peer Energy Trading) ในราคาที่ถูกกว่าอัตราค่าไฟฟ้าทั่วไป ทั้งยังช่วยสร้างมูลค่าให้พลังงานไฟฟ้าส่วนเกินที่อาจเหลือทิ้งกลับกลายเป็นรายได้สู่ลูกบ้าน และ 3.ธุรกิจติดตั้งและบริการสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า (EV Charger Station) สำหรับโครงการคอนโดมิเนียม ซึ่งเบื้องต้นกำลังอยู่ระหว่างการวางแผนการดำเนินงานร่วมกัน

ด้าน นายสมบูรณ์ เอื้ออัชฌาสัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ GUNKUL ผู้นำด้านธุรกิจพลังงานทดแทนแบบครบวงจรและธุรกิจระบบไฟฟ้า กล่าวว่า ความร่วมมือกับเครือออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ในครั้งนี้ จะเป็นการสร้างปรากฏการณ์ใหม่ที่เชื่อมวงการอสังหาริมทรัพย์เข้ากับวงการพลังงานทดแทน ที่ไม่ใช่แค่ช่วยให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงการใช้พลังงานสะอาดได้ง่ายขึ้น แต่ยังเป็นการตอบโจทย์เมกะเทรนด์ด้านความยั่งยืน ผ่านนวัตกรรมและบริการที่อำนวยความสะดวกเพื่อต่อยอดคุณภาพชีวิตถึงภายในโครงการที่อยู่อาศัย

“เราเชี่ยวชาญด้านธุรกิจพลังงานมาอย่างยาวนานเกือบ 40 ปี และพัฒนานวัตกรรมด้านพลังงานทดแทนอย่างไม่หยุดยั้ง ที่ผ่านมากันกุลฯ ได้รับความไว้วางใจจากหลากหลายอุตสาหกรรมให้ดูแลการผลิตและซื้อขายไฟให้กับเอกชน (Private PPA) มาแล้วกว่า 70 เมกะวัตต์ ขณะเดียวกัน ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ ก็เป็นผู้นำในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยมูลค่ารวมสะสมกว่า 134,000 ล้านบาท เราจึงมองว่าความร่วมมือระหว่างเรากับออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ในครั้งนี้คือวิสัยทัศน์ในการขยายธุรกิจใหม่ๆ เพื่อผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง และจะเป็นความร่วมมือครั้งสำคัญที่ช่วยขยายโอกาสในการสร้าง Energy awareness เพิ่มความตระหนักรู้และตัวเลือกในการเข้าถึงพลังงานที่จะช่วยเติมเต็มไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยของคนเมืองโดยไร้ข้อจำกัดในเรื่องของพื้นที่ ออกมาเป็นรูปแบบของ ENERGY x URBAN LIVING solution” นายสมบูรณ์ กล่าว

สำหรับบริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI มีโครงสร้างธุรกิจหลากหลาย ประกอบด้วย 1.ธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อการขาย (Residential Development Business) พัฒนาคอนโดมิเนียมและบ้านจัดสรรมาแล้ว 86 โครงการ (สถานะ ณ สิ้นไตรมาส 2/2564) เช่น แบรนด์ พาร์ค ออริจิ้น (PARK ORIGIN) ดิ ออริจิ้น (The Origin) ไนท์บริดจ์ (KnightsBridge), นอตติ้ง ฮิลล์ (Notting Hill), เคนซิงตัน (Kensington) และ บริทาเนีย (BRITANIA) รวมมูลค่าโครงการกว่า 134,000 ล้านบาท 2.ธุรกิจที่สร้างรายได้ต่อเนื่อง (Recurring Income Business) เช่น โรงแรม เซอร์วิส อพาร์ตเมนท์ ค้าปลีก 3.ธุรกิจบริการ (Service Business) เช่น ธุรกิจการจัดการอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจตัวแทนซื้อ ขาย เช่า อสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ และยังมีวิสัยทัศน์ในการขยายประเภทธุรกิจใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เป็นผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร

Source : มติชนออนไลน์