นายสมโภชน์ อาหุนัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA เปิดเผยว่า บริษัทได้ลงนามความร่วมมือกับสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) เพื่อวิจัยพัฒนาวัตถุดิบและชิ้นส่วนเพื่อเพิ่มขีดความสามารถการทำงานของอุปกรณ์กักเก็บพลังงานไฟฟ้าความจุสูง หรือแบตเตอรี่ ที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัยสูงโดยพึ่งพาทรัพยากรและการผลิตภายในประเทศ คาดว่าโครงการผลิตแบตเตอรี่ของบริษัทจะเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ตั้งแต่ต้นปี 2564 ถือเป็นหัวใจหลักของการสนับสนุนอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (อีวี) ให้สามารถแข่งขันกับต่างประเทศได้
“จุดเด่นที่สำคัญอย่างยิ่งอีกประการหนึ่งของการประสานความร่วมมือครั้งนี้คือ การพัฒนาบุคลากร รวมถึงการแบ่งปันและแลกเปลี่ยนการใช้ศูนย์ทดสอบแบตเตอรี่ระหว่างกันของทั้งสองฝ่าย ซึ่งต่างก็มีการลงทุนติดตั้งเครื่องมือและอุปกรณ์ที่ทันสมัย และมีมาตรฐานสูงในระดับสากล นับเป็นการประสานประโยชน์เพื่อใช้ทรัพยากรที่ลงทุนไปอย่างคุ้มค่า การพัฒนาเทคโนโลยีและบุคลากรภายใต้ความร่วมมือในโครงการนี้ จะก่อให้เกิดการส่งเสริมจุดแข็งซึ่งกันและกันยิ่งขึ้นต่อไป”
ดร.ณรงค์ ศิริเลิศวรกุล ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กล่าวว่า ศูนย์เทคโนโลยีเพื่อความมั่นคงของประเทศและการประยุกต์เชิงพาณิชย์ (National Security and Dual-Use Technology Center-NSD) จะร่วมมือการวิจัยและพัฒนากับบริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) ในระยะเวลา 5 ปี (2563 – 2568) เพื่อขยายผลของงานวิจัยไปสู่การประยุกต์การใช้งานจริง โดยการสนับสนุนในการใช้ทรัพยากรร่วมกันให้เกิดประโยชน์สูงสุด ส่งเสริม แลกเปลี่ยนองค์ความรู้ บุคลากร และขยายผลการวิจัยในด้านอุปกรณ์กักเก็บพลังงานไฟฟ้าความจุสูง (แบตเตอรี่) ที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัยสูง อาทิ ตัวเก็บประจุยิ่งยวด (Supercapacitor) แบตเตอรี่สังกะสี – ไอออน แบตเตอรี่ลิเทียม – ซัลเฟอร์ การผลิตคาร์บอนกัมมันต์ (Activated Carbon) จากผลิตผลทางการเกษตร เช่น กะลาปาล์ม การพัฒนากระบวนการผลิตและการสังเคราะห์กราฟีน ซึ่งเป็นวัสดุคาร์บอนแบบสองมิติที่มีคุณสมบัติช่วยทำให้แบตเตอรี่และตัวเก็บประจุมีประสิทธิภาพสูงกว่าที่มีอยู่ในท้องตลาด รวมถึงวงจรจัดการระบบการทำงานของแบตเตอรี่ เพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพสูง โดยให้ความสำคัญกับการพึ่งพาทรัพยากรและการผลิตภายในประเทศ เพื่อลดการนำเข้าจากต่างประเทศและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รวมถึงสนับสนุนและสร้างความเข้มแข็งให้เกิดการพัฒนาอุตสาหกรรมของประเทศอย่างยั่งยืน
Source : Matichon Online