“ศิริ จิระพงษ์พันธ์” รมว.พลังงานวอนสื่อ-ม็อบหนุนและต้าน เข้าใจการลงนาม MOU ชะลอโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่และเทพา เพื่อให้ศึกษายุทธศาสตร์เชิงพื้นที่ (SEA) ภายใน 9 เดือน ทั้งหมดก็เพื่อนำไปสู่ความปรองดอง ออกโรงแม้โครงการจะล่าช้าออกไปอีก 5 ปีโดยไม่มีโรงไฟฟ้าใหญ่เกิดขึ้นในภาคใต้ก็ไม่กระทบ
นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยระหว่างการพบปะสื่อมวลชนที่ทำเนียบรัฐบาลว่า ขอให้สื่อทำความเข้าใจทั้งกลุ่มสนับสนุนและต่อต้านโรงไฟฟ้าถ่านหินถึง การลงนามข้อตกลง หรือ MOU เพื่อทบทวนโครงการโดยให้มีการศึกษายุทธศาตร์เชิงพื้นที่ (SEA) ภายใน 9 เดือน โดยให้มีคนกลางเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่ายมาเป็นผู้ดำเนินการแล้วรับฟังความเห็นรอบด้าน เพื่อให้ได้ข้อตกลงร่วมกันที่จะไม่ก่อให้เกิดความขัดแย้งนำไปสู่ความปรองดอง หากมีข้อตกลงเดินหน้าหรือยุติก็จะดำเนินการตามนั้น ซึ่งการทำ SEA จะดำเนินการโดยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ไม่จำเป็นต้องถอนผลศึกษารายงานผลกระทบสุขภาพและสิ่งแวดล้อม (EHIA) และ EIA โครงการเทพา
“ขอความร่วมมือสื่อพาดหัวข่าวให้เกิดความปรองดอง ชาวบ้านขออย่าขึ้นป้าย “ศิริ” ออกไป มันกระทบจิตใจ โดย MOU นี้ขอยืนยันด้วยตัวเลขเชิงวิทยาศาสตร์ว่า แม้โครงการล่าช้าแต่ด้วยการจัดการจะทำให้ไฟฟ้าไม่ขาดแคลนอย่างแน่นอน โดยใน 5 ปีนี้ยังไม่จำเป็นต้องมีโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่เกิดขึ้นใหม่ในภาคใต้ได้ และเพื่อปรองดองก็ขอให้ กฟผ.ถอนฟ้องในคดีที่คั่งค้างกับกลุ่มผู้ต่อต้านโครงการ” รมว.พลังงานกล่าว
นายศิริกล่าวว่า ความต้องการใช้ไฟฟ้าในภาคใต้จะโตเฉลี่ย 4-5% ต่อปี จากความต้องการไฟฟ้าสูงสุด หรือพีก ปี 2561 ที่ราว 2,700 เมกะวัตต์ ดังนั้น เพื่อรองรับการเติบโตโดยเฉพาะการท่องเที่ยวในพื้นที่อันดามันก็จะบริหารจัดการในช่วง 3-5 ปี โดยเพิ่มสายส่งแรงดันสูงเชื่อมโรงไฟฟ้าหลักที่มีอยู่ คือ จะนะ และขนอม ตรงไปยังฝั่งอันดามัน โดยลงทุนสร้างสายส่งแก้ปัญหาคอขวดของสายส่งก็จะทำให้กำลังผลิตใช้ได้เต็มที่ 2,400 MW และเชื่อมกับสายส่งหลักจากภาคกลางไปยังสถานีสุราษฎร์ธานี จะทำให้รองรับได้อีก 1,000 MW รวมทั้งพัฒนาโรงไฟฟ้าชีวมวลใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้อีก 300 เมกะวัตต์ เพื่อเป็นการผลิตและใช้ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ก็จะลดการส่งไฟฟ้าจากพื้นที่อื่นๆ เข้าไป โดยยืนยันว่าจะมีเชื้อเพลิงเพียงพอ
ที่มา : MGR Online
วันที่ : 22 ก.พ. 2561