20 ส.ค. 2563 นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยหลังการสัมมนาเชิงปฏิบัติการ”พลังงานร่วมใจ รวมไทยสร้างชาติ ว่าจะดำเนินนโยบายที่ช่วยเหลือประชาชนเป็นหลัก โดยยังเน้นการดำเนินงานรูปแบบเดิมที่เป็นนโยบายด้านพลังงานกระตุ้นเศรษฐกิจไทยหลังสถานการณ์โควิด-19
ซึ่งเบื้องต้นได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในกระทรวงหาข้อสรุปโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานรากภายใน 30 วัน โดยมีเป้าหมายเปิดรับซื้อภายในปีนี้ โดยตั้งเป้าให้มั่นใจว่ารายได้นั้นจะต้องตกถึงเกษตรกรอย่างแท้จริงจริง ซึ่งการเปิดรับซื้อที่เดิมกำหนดไว้ระยะเร่งด่วน(ควิกวิน) 100 เมกะวัตต์นั้นก็อาจจะเป็น 100-200 เมกะวัตต์ได้ ขึ้นอยู่กับความพร้อมเรื่องเชื้อเพลิงที่ตอบโจทย์สร้างงานและสร้างรายได้ให้ชุมชน
“การขับเคลื่อนโรงไฟฟ้าชุมชนไม่จำเป็นต้องรอให้แผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย(พีดีพี 2018 )ฉบับปรับปรุงครั้งที่1 ผ่านคณะรัฐมนตรี(ครม.) แต่อย่างใดเพราะสามารถทำเป็นบทแทรกเพื่อขอความเห็นตามขั้นตอนกระทรวงพลังงานได้เลย โดยในช่วงนี้จะต้องมาพิจารณาถึงราคา และผลประโยชน์ของประชาชนว่าจะส่งเสริมได้มากน้อยเพียงใด และไม่ให้กระทบกับราคาค่าไฟรวมทั้งประเทศที่จะสูงขึ้น”นายสุพัฒนพงษ์กล่าว
ขณะเดียวกันจะต้องเน้นการการจ้างงาน สร้างรายได้ให้ชุมชน โดยจากการหารือร่วมกับรัฐและเอกชนด้านพลังงานครั้งนี้ได้มอบหมายให้ช่วยกันคิดว่าจะช่วยแก้ไขเศรษฐกิจได้อย่างไร จะวางบทบาทอย่างไรเพื่อสร้างการจดจำในอีก 10 ปีข้างหน้า โดยเฉพาะการจ้างงานของนักศึกษาจบใหม่ 4-5 แสนคน และการช่วยเหลือเอสเอ็มอี ซึ่งจะได้ข้อสรุป 2 สัปดาห์ ขณะเดียวกันในส่วนของกระทรวงพลังงานจะใช้เครื่องมือผ่านกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน โดยการบริหารงานขณะนี้มีการกลั่นกรองโครงการของปีงบประมาณ 2563 แล้ว ขณะที่ปี 2564 จะปรับแนวทางการใช้เงินที่มุ่งจ้างงานมากขึ้น
ทั้งนี้จะเน้นลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานให้ประชาชน เพื่อบรรเทาค่าครองชีพประชาชน โดยจะเจรจากับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อตรึงราคาพลังงานต่อไป อาทิ ก๊าซหุงต้ม(แอลพีจี) และก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์(เอ็นจีวี) ที่จะต้องมีการพิจารณารายละเอียดต่อไป ขณะที่แนวทางการบริหารภาพรวมจะเน้นสานงานเดิม โดยเฉพาะเรื่องเร่งด่วนโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานราก ได้มอบหมายให้กระทรวงพลังงานหาข้อสรุปภายใน 30 วัน มีเป้าหมายเปิดรับซื้อภายในปีนี้ แต่ต้องมั่นใจว่ารายได้นั้นจะต้องตกถึงเกษตรกรอย่างแท้จริง อย่างไรก็ตามการเปิดรับซื้อที่เดิมกำหนดไว้ระยะเร่งด่วน(ควิกวิน) 100 เมกะวัตต์นั้นอาจจะเป็น 100-200 เมกะวัตต์ก็ได้ขึ้นอยู่กับความพร้อมเรื่องเชื้อเพลิงที่ตอบโจทย์สร้างงานและสร้างรายได้ให้ชุมชน
Source : ไทยโพสต์